…ผู้รักษากฎหมาย ควรต้องจัดการกับ “สุวิทย์อ้อน้อย” กรณีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเสียด้วย! ...

(ข่าวที่ 1) DSI เข้าตรวจสอบรีสอร์ทธรรมกาย รุกป่าสงวนเขาใหญ่ พบชื่อลูกศิษย์คนดังเจ้าของ
http://hilight.kapook.com/view/138626

(ข่าวที่ 2) ผบก.ปทส.นำกำลังบุกยึดวัดชื่อดังเมืองกาญจน์เครือข่าย “ธรรมกาย” พบรุกที่อุทยานฯ กว่า 90 ไร่ (ชมคลิป)
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000069441


ผมได้เอา 2 ข่าวข้างต้นมาแปะให้อ่าน ให้เห็นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการรักษากฎหมายของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ในยุคนี้ ชนิดไม่มีการลูบหน้าปะจมูก โดยเข้าไปจัดการกับวัดวาอารามต่างๆหรือพระสงฆ์ที่บุกรุกป่าสงวน ยึดคืนมาเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน..ว่างั้น !


แต่อีกข่าวนี่สิครับ เป็นข่าวโด่งดังมานานตามหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่น้อยกว่า 2 ปีผ่านมา และถูกจุดพลุอีกครั้ง ก็คือข่าวพระสุวิทย์ หรือที่เรียกตัวเองว่า “พุทธอิสระ” บุกรุกที่ป่าสงวนซึ่งคนให้ข่าวบอกว่า 3,000 ไร่ แต่เจ้าตัวบอกว่าแค่ 300 ไร่..เท่านั้นเอง

(ข่าวที่ 3) พุทธะอิสระโต้คนจับผิดซื้อที่3พันไร่ แจงแค่ป่าสงวนฯ300ไร่ไว้ปลูกป่า 10ปีคืนกรมป่าไม้
http://www.matichon.co.th/news/209717


กรณีสุวิทย์อ้อน้อยชัดเจนเป็นอย่างมาก เพราะตนเองยอมรับว่า “(1)ไปซื้อที่มาจากชาวบ้านที่บุกรุกป่าสงวนอยู่แล้วจำนวน 300 ไร่ ด้วยเงินกว่า 3 ล้านบาท(2)ที่ซึ่งเป็นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์”    โดยอ้างเหตุผลตาใสๆว่า (1)เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าให้สมบูรณ์ จะได้มีน้ำใช้ในภาคกลางตลอดปี (2)สัญญากับกรมป่าไม้ว่าถ้าครอบครองครบ 10 ปี จะคืนให้กรมป่าไม้..ฮั่นแน่ะ


การซื้อที่ป่าสงวนดังกล่าวที่สุวิทย์เคยอ้างว่าจะทำเป็นสำนักปฏิบัติธรรม แต่จากการตรวจสอบของหลายฝ่าย พบว่าได้สร้างเป็นบ้านพักหรูตากอากาศหรือรีสอร์ตที่สวยงาม ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติค มีรั้วรอบขอบชิด..สาธุ


เมื่อ 2 ปีก่อน มีชาวบ้านใหม่วังผาปูน ต.แม่วิน อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ลุกขึ้นประท้วงพระสุวิทย์ ที่เข้าไปกว้านซื้อที่ไม่มีโฉนดที่ปลูกบ้านหรู เป็นเรือนพักตากอากาศ แต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ตามข่าวนี้

"ชาวบ้านสุดทนบุกล้อมบ้าน พุทธะอิสระ กว้านซื้อที่ไม่มีโฉนดเป็นชื่อตัวเอง ปลูกบ้านหรู"
http://news.sanook.com/1461329/


พฤติกรรมของสุวิทย์อ้อน้อยที่ครอบครองป่าสงวนโดยอ้างว่า “ซื้อป่าสงวนเพื่อฟื้นฟูสภาพป่า” มันเป็นพฤติกรรมข้ออ้างเดียวกันกับคนดีที่ชื่อวิกรม กรมดิษฐ์ที่เลี้ยงนกเงือกสัตว์สงวน โดยบอกว่าถ้าตนไม่เลี้ยงนกตัวนี้ นกก็คงตายไปแล้ว แค่นกตัวเดียว..เหมือนกันไม่มีผิด


พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 31 ที่ว่า "ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14. . .ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ (1) ไม้สัก ไม้ยาง ไม้สนเขา หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. ตาม กฎหมายว่าด้วยป่าไม้ หรือ (2) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งสองอย่าง รวมกันเกินยี่สิบต้น หรือท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร หรือ (3) ต้นน้ำลำธาร ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และ ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท" (แก้ไขโดยพระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2522


สังคมกำลังจับตาเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายว่า จะจัดการกับสุวิทย์อ้อน้อยที่มีพฤติกรรมครอบครองป่าสงวนชัดจนอย่างไรหรือไม่     เช่นเดียวกับที่ไล่จัดการกับพระธัมมชโย หรือกับวัดอื่นๆที่มีพฤติกรรมบุกรุกป่าสงวน..จะทำอย่างไร ?


หากกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ โดยทำเป็นไม่สนใจเหมือนกรณีอื่นๆ ก็จะเกิดข้อเปรียบเทียบให้เห็นว่า “เล่นงานเฉพาะฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น” สร้างความรู้สึกเหลื่อมล้ำและเคลือบแคลงให้เกิดขึ้นอีกฝ่าย ดังนั้น ท่านผู้รักษากฏหมายต้องทำกฏหมายให้ศักดิ์สิทธิ์โดยเท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น..ฝากไว้ครับ !!!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่